ตุรกี มหัศจรรย์ ดินแดนสวรรค์สองทวีป
ตุรกี มหัศจรรย์ ดินแดนสวรรค์สองทวีป
1.เมืองคัปปาโดเกีย (Cappadocia)
ที่เป็นเมืองมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งในตุรกี คำว่าคัปปาโดเกียมาจากภาษาเปอร์เซียว่า คัตปาตุกา (Katpatuka) มีความหมายว่าดินแดนที่มีม้าแสนสวย(The Land of Beautiful Horses) ตั้งอยู่บนพื้นที่ที่เคยเป็นภูเขาไฟ ชื่อ เอร์จีเยส (Erciyes) สูง 3,916 เมตร บนยอดเขามีหิมะปกคลุมตลอดปี สามารถมองเห็นทั้งทะเลดำและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เมืองแห่งนี้เกิดจากการระเบิดถ่นลาวาปกคลุมพื้นที่หลายร้อยไมล์ ต่อมาเกิดพายุลมฝนกัดกร่อนชั้นลาวาเหล่านี้ทีละเล็กทีละน้อยจนกลายสภาพเป็นหุบเขา ร่องลึกแปรรูปพรรณสัณฐานเป็นเสาหิน กรวยหิน กำแพงถ้ำ เนื้อหาในหุบเขาแห่งนี้จะอ่อนนิ่ม จึงเหมาะในการแกะสลัก เจาะ ขุด เป็นห้อง เป็นคอกม้า เป็นบ้าน โบสถ์ ค่ายทหาร ที่พัก โรงอาหารของนักบวช ห้องบำเพ็ญเพียร ซึ่งเหมาะในการอยู่อาศัย อากาศเย็นสบายในฤดูร้อน อากาศอบอุ่นในฤดูหนาว
2.ม้าโทรจัน หรือ ม้าไม้เมืองทรอย (Trojan horse)
เป็นม้าขนาดใหญ่ที่ ทําจากไม้จากมหากาพย์อีเลียดเรื่องสงครามเมืองทรอย ม้าไม้นี้เกิดขึ้นจากอุบายของโอดิสเซียส ในการบุกเข้าเมืองทรอย ที่มีป้อมปราการแข็งแรง หลังจากที่รบยืดเยื้อมานานถึง 10 ปีแล้ว ด้วยการให้ทหารสร้างม้าไม้นี้ขึ้นมา แล้วลากไปวางไว้หน้ากําแพงเมืองทรอย แล้วให้ทหารกรีกแสร้งทําเป็นล่าถอยออกไป เมื่อชาวทรอยเห็นแล้วเข้าใจว่าเป็นบรรณาการที่ทางฝ่ายกรีกสร้างขึ้นมาเพื่อบูชาเทพเจ้าและล่าถอยไปแล้ว จึงลากเข้าไปไว้ในเมืองและฉลองชัยชนะ เมื่อตกดึก ทหารกรีกที่ซ่อนตัวอยู่ในม้าไม้ ก็ไต่ลงมาเผาเมืองและปล้นเมืองทรอยได้เป็นที่สําเร็จ
3.ปามุกคาเล (Pamukkale)
ช่วงฤดูใบไม้ผลิ น่าจะเป็นช่วงที่เหมาะที่สุดที่จะเยือน ปามุกคาเล เพราะน้ำจะขึ้นล้นแอ่ง ส่วนฤดูร้อนนั้นอย่าหวัง และเนื่องจากไม่มีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว จึงส่งผลให้ ปามุกคาเล อาจไม่สวยงามเหมือนเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ด้วยเหตุนี้รัฐบาลตุรกีและองค์กรยูเนสโกจึงจัดการดูแล มรดกโลก แห่งนี้ ด้วยการจัดระเบียบการท่องเที่ยว โดยสั่งปิดถนนเส้นที่ใกล้กับ แอ่งน้ำ ปามุกคาเล และห้ามรถบัสใหญ่จอดในบริเวณสถานที่ท่องเที่ยว
4.โรงแรมถ้ำตกแต่งสไตล์ถ้ำ (Uchisar Kaya Otel)
ตกแต่งอยากหรูหรา มาพร้อมมินิบาร์ ระเบียง และห้องน้ำส่วนตัวพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องเป่าผมที่พักมีบุฟเฟต์อาหารเช้าให้บริการทุกวัน และมีอาหารพื้นเมืองพร้อมของหวานให้บริการที่ Teras Restaurant ที่ท่านสามารถชื่นชมวิว Fairy Chimney ได้เช่นกัน ซาวน่า ห้องอาบน้ำสไตล์ตุรกี สระว่ายน้ำในร่ม เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการผ่อนคลาย และท่านสามารถใช้บริการเหล่านี้ได้ฟรี มีบริการนวด และมีโต๊ะบริการทัวร์ที่ให้บริการจัดทริปแก่ท่านได้ โรงแรมอยู่ห่างจาก Uchisar Castle ไม่เกิน 300 ม. ห่างจากสถานีขนส่ง Nevsehir Bus Terminal 7 กม. และห่างจากสนามบิน Nevsehir Airport โดยเดินทางด้วยรถยนต์ 40 นานี มีพื้นที่จอดรถส่วนตัวฟรีในสถานที่
5. หุบเขาเทพเจ้าเนมรุต (Mount Nemrut)
หุบเขาเนมรุตอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกี บนภูเขามีรูปแกะสลักหินเทพเจ้ากระจายอยู่รอบบริเวณ ซึ่งเป็นสุสานของกษัตริษย์จากศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาล ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO เป็นวิวที่มองแล้วแปลกตาดี อย่างกับฉากในหนังเลย 190 ปีก่อนคริสตกาล จักรวรรดิซิลิวซิด (Seleucid Empire) พ่ายแพ้ให้กับจักรวรรดิโรมันในยุทธการที่แมกนีเชีย ทำให้จักรวรรดิซิลิวซิดค่อยๆล่มสลายไปและเกิดอาณาจักรใหม่ขึ้น อาณาจักรโคมายานา (Commagene) ที่เคยอยู่ใต้อำนาจของจักรวรรดิซิลิวซิด ก็เข้ายึดครองพื้นที่ระหว่างภูเขาเทารัสและแม่น้ำยูเฟรทีส ซึ่งมีวัฒนธรรมที่หลากหลาย
6. เมืองเก่าอันตัลยา (Antalya)
คือ เมืองท่องเที่ยวชายทะเล ที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Sea) ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของตุรกี เป็นอีกหนึ่งเมืองประวัติศาสตร์ ซึ่งสามารถย้อนกลับไปประมาณ 150 ปีก่อนคริสตกาล สำหรับตัวเมืองนั้นตั้งอยู่บนที่ราบชายฝั่งแคบๆ ที่ล้อมรอบด้วยภูเขาและท้องทะเลอันงดงาม จนนักท่องเที่ยวที่เคยมาเยือนล้วนให้การยกย่องว่าเป็น "ริเวียร่าแห่งตุรกี" เลยทีเดียว
สำหรับการท่องเที่ยวในเมืองอันตัลยานั้น แน่นอนว่าในช่วงฤดูร้อน หรือราวๆเดือนเมษายน ถือว่าเป็นหนึ่งในเวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมเมือง ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวภายในเมืองนั้นก็มีทั้งส่วนที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ที่ถือว่ามีความเก่าแก่มากที่สุกแห่งหนึ่งของโลก
7.สุเหร่าสีน้ำเงิน (Blue Mosque)
ที่มาของชื่อสุเหร่าสีน้ำเงินเป็นเพราะใช้กระเบื้องสีน้ำเงินในการตกแต่งภายใน ซึ่งทำเป็นลายดอกไม้ เช่น ดอกกุหลาบ คาร์เนชั่น ทิวลิป เอกลักษณ์เด่นอีกอย่างแต่อยู่ภายนอกคือ หอประกาศเชิญชวนเมื่อถึงเวลาที่จะต้องทำพิธีละหมาด Minaret 6 หอ เท่ากับสุเหร่าที่นครเมกกะ