ทำไมต้องไปนั่งรถไฟทรานส์ไซบีเรีย

ทุกประเทศมันเชื่อมถึงกันได้หมด เรามักจะคุ้นเคยกับการข้ามประเทศผ่านทางเครื่องบินหรือรถยนต์ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ทำไมไม่ลองข้ามทวีปด้วยรถไฟกันบ้างครับ แล้ววินาทีที่รถไฟวิ่งข้ามเส้นแบ่งทวีป ความรู้สึกมันจะเปลี่ยนไปขนาดไหน No culture shock เวลาใช้เครื่องบินข้ามประเทศเนี่ย เวลาลงมาถึงสนามบินของปลายทางเรามักจะตกใจไปกับภาพที่เห็นตรงหน้าทุกที ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ ภาษา ผู้คน หรืออาหารที่รอเราอยู่ แต่การใช้รถไฟข้ามประเทศจากจีนสู่มองโกเลียมาจบที่รัสเซีย ความแตกต่างพวกนี้จะถูกเอาเชื่อมกันด้วยทางรถไฟจนเราจะรู้สึกว่ามันคือเนื้อเดียวที่ไร้รอยต่อ ไปให้รู้ว่าภาษาอังกฤษสำคัญ แต่ไม่ใช่ที่สุด คนจีนพูดจีน คนมองโกลพูดมองโกล คนรัสเซียพูดรัสเซีย ไม่มีใครพูดอังกฤษสักคน!!! เราไม่อาจะใช้ข้ออ้างเรื่องภาษาในการเดินทางได้ครับ ถ้าลองได้มาที่นี่แล้ว ผมเชื่อเลยว่าทุกๆคนจะรู้สึกว่าภาษาไหนๆก็สำคัญ ไม่ใช่แค่ภาษาอังกฤษ!!! รถไฟทรานส์ไซบีเรีย ไม่ใช่ขบวนรถนักท่องเที่ยว อันนี้คนมักจะเข้าใจผิดมาก คิดว่าทั้งขบวนจะมีแต่นักท่องเที่ยว ซึ่งมันผิดครับ ขบวนรถไฟสายนี้ส่วนใหญ่คือระบบรถไฟท้องถิ่นทั้งสิ้น เพื่อนร่วมขบวน เพื่อนร่วมเตียงนอน ส่วนใหญ่คือคนท้องถิ่นที่เดินทางไปมาระหว่างเมือง และนี่ก็คือโอกาสที่ดีที่สุดที่เราจะได้ผูกมิตรกับคนรัสเซียแบบ non-stop สร้างตำนานให้กับชีวิตของตนเอง การได้ลองมาใช้ชีวิตอยู่บนรถไฟ 6 วัน 5 คืนจากปักกิ่งมามอสโคว นั่งมองภาพบ้านเรือนผู้คนที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปจากอภิมหาความเจริญที่ปักกิ่ง สู่ทุ่งหญ้าสเตปป์ที่กว้างใหญ่และทะเลทรายโกบีของมองโกล เข้าสู่เขตป่าสนไทกาและทะเลสาบไบคาลในไซบีเรีย ก่อนจะมาปิดฉากเส้นทางที่จัตุรัสแดงในมอสโควคือตำนานแห่งการเดินทางของชีวิตที่แท้จริง บทความนี้ เขียนขึ้นบนแผนการเดินทางจากปักกิ่งไปมอสโคว แต่ถ้าคนที่มีแผนการเดินอื่นๆก็สามารถที่จะเอาประยุกต์ใช้ได้เช่นกันครับ ที่มา : Lonely planet Trans-Siberian railway 5th ed

ไปเดือนไหนดี

ทางรถไฟวิ่งอยู่ในเขตซีกโลกเหนือทั้งหมด เพราะฉะนั้นจะมีหลักเพียง 2 ฤดู คือ ร้อน และ หนาว High season : ช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคมของทุกๆปี อากาศในไซบีเรียเรียกได้ว่ากำลังเย็นสบาย ใส่เสื้อหนาวเล็กๆน้อยๆก็พอไหวแล้วครับ เที่ยวได้สนุก เพราะช่วงเวลากลางวันนานพอสมควร แต่สิ่งเดียวที่ต้องแลกกลับไปคือ ราคาทุกอย่างจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะค่าตั๋วรถไฟที่บางทีตั๋วอาจจะเต็มข้ามปีเลยทีเดียว และโรงแรมก็ต้องไปแย่งกันพักอีก Low season : ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ เป็นหน้าที่ไม่มีใครเที่ยว เพราะหนาวสุดๆ เสื้อกันหนาวที่จะเอาคือต้องจัดเต็ม เจอหิมะตลอดเส้นทาง แต่สิ่งดีๆที่ได้กลับมาคือ ไม่มีคนครับ จะไปไหนก็สะดวก ไม่ต้องจองตั๋วอะไรล่วงหน้าซึ่งต่างจากฤดูร้อนที่ต้องวางแผนกันเป็นปีๆ Shoulder season : มีนาคมถึงเมษายน และช่วงเดือนตุลาคม ช่วงนี้คนจะไม่มากเท่าช่วง high และอากาศก็ยังไม่หนาวทารุณเหมือนหน้า low จึงถือเป็นเวลาที่ลงตัวพอสมควร และยิ่งเดือนเมษายนคนไทยมีช่วงหยุดยาวตอนสงกรานต์เลยเพิ่มความน่าสนใจเข้าไปอีกเยอะ สามารถเช็ค : ปฏิทินวันหยุดยาว และแนะนำวันลาพักร้อน 2017 ได้ที่นี้ครับ

เรื่องของวีซ่า

เส้นทางรถไฟจะเกี่ยวพันกับ 3 ประเทศคือ จีน มองโกเลีย และรัสเซีย มองโกเลีย กับ รัสเซีย คนไทยไม่ต้องทำวีซ่า ถ้าอยู่ไม่เกิน 30 วัน ซึ่งมันคือสวรรค์ชัดๆครับ เท่ากับเราต้องทำแค่วีซ่าประเทศจีนเท่านั้น ถือว่าเป็นการเดินทางข้ามทวีปที่จ่ายค่าวีซ่าน้อยมาก ดูรายละเอียดได้ที่ : เว็บไซต์ของสถานทูตจีน

ปูพรมความรู้ขั้นพื้นฐาน และ 10 เมือง ทางผ่านของ ทรานไซบีเรีย

มีทางรถไฟอยู่ 3 สาย ที่เราต้องเข้าใจกันก่อน
  1. Trans-Siberia (สีแดง) : สายรถไฟแท้ๆนั้นจะอยู่ในรัสเซียล้วนง คือจากตะวันออกสุดที่ Vladivostok มาสุดที่ Moscow มีระยะทางความยาวเกือบ 10,000 กิโลเมตร เรียกว่าเป็นสายคลาสสิคเลยครับ
  2. Trans-Mongolian (สีเขียว – สีแดง) : คือเส้นทางที่พวกเรามา วิ่งจากปักกิ่ง มา อูลานบาตอร์ เมืองหลวงของมองโกเลียก่อนจะเข้าไซบีเรีย ความยาวทั้งหมด 7865 กิโลเมตร
  3. Trans-Manchurian (สีเหลือง – สีแดง) : อันนี้เป็นอีกเส้นจะวิ่งไปที่เขตแมนจูเรีย ไปที่เมืองฮาร์บิ้นก่อนจะเข้าประเทศจีน เส้นทางนี้จะไม่ผ่านประเทศมองโกเลีย

เส้นทางระหว่าง ปักกิ่ง กับ มอสโคว จะผ่านทั้งหมดหลายร้อยเมืองในสามประเทศ ผมขอยก 10 เมืองหลักที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของการเดินทางมาให้ดูกันนะครับ 1. ปักกิ่ง (Beijing) *** พระราชวังต้องห้าม พระราชวังฤดูร้อน กำแพงเมืองจีน หอฟ้าเทียนถาน สนามกีฬารังนก 2. อูลานบาตอร์ (Ulaanbaatar) *** จตุรัสซัคบาทาร์ วัดกานดาน อนุสาวรีย์เจงกีสข่าน อุทยานแห่งชาติเทอเรลจ์ 3. เอียร์คุชต์ (Irkutsk) *** มหาวิหารเอพิพาน ถนนคาร์ล มาร์กซ หมู่บ้านลิสต์วียันก้ ทะเลสาบไบคาล เกาะโอล์คฮอร์น 4. ครัสโนยาสค์ (Krasnoyarsk) เขื่อน Krasnoyarsk พิพิธภัณฑ์ Krasnoyarsk 5. โนโวซีบีสค์ (Novosibirsk) 6. เอกาเทอรินเบิร์ก (Yekaterinburg) โบสถ์ Church on the Blood อนุสาวรีย์ QWERTY จุดแบ่งทวีปเอเชียและยุโรป อนุสรณ์สถาน Ganina Yama 7. คาซาน (Kazan) *** เครมลินแห่งคาซาน มหาวิหารแอนนันชิเอชั่น (Annunciation Cathedral) อาราม Raifa Bogorodinsky เกาะเสวียชก์ 8. นิจนีนอฟโกรอด (Nizhny Novgorod) เครมลินแห่งนิจนีนอฟโกรอด จัตุรัส Minin and Pozharsky 9. มอสโคว (Moscow) *** พระราชวังเครมลิน มหาวิหารเซนต์บาซิล จัตุรัสแดง ห้างสรรพสินค้ากุม ถนนอารบัต สถานีรถไฟใต้ดินกรุงมอสโคว วิหารเซ็นต์ เดอซาร์เวียร์ 10. เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (Saint Petersburg) *** พระราชวังฤดูร้อนปีเตอร์ฮอฟ มหาวิหารเซนต์ไอแซค พระราชวังฤดูหนาวเฮอมิเทจ ที่มี *** คือเมืองต้องห้ามพลาดนะครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.worldwantswandering.com